Your Cart

กฎแห่งกรรมในอรรถกถาพระธรรมบท Law of Karma in Buddhism

On Sale
$6.00
$6.00
Added to cart
กฎแห่งกรรมในอรรถกถาพระธรรมบท Law of Karma in Buddhism
มีเรื่องราวที่คัดมานำเสนอจำนวน 44 เรื่อง

========================
ตัวอย่าง กฎแห่งกรรมในอรรถกถาพระธรรมบท 
========================

1.เรื่องนางปติปูชิกา

กฎแห่งกรรมในอรรถกถาธรรมบท:เรื่องนางปติปูชิกา อธิษฐานจิตจนได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เหมือนเดิม

กฎแห่งกรรมที่นำมาเสนอเรื่องต่อไป เป็นเรื่องที่มาในพระคัมภีร์อรรถกถาธรรมบท ของท่านพระพุทธโฆษาจารย์ อีกเช่นเดียวกัน เป็นการเล่าถึงเรื่องเมื่อครั้งที่พระศาสดา ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงปรารภหญิงชื่อปติปูชิกา และได้ตรัสพระธรรมธรรมที่มีข้อความขึ้นต้นว่า ปุปฺผานิ เหวะ เป็นต้น

เรื่องมีอยู่ว่า นางปติปูชิกา(แปลว่า หญิงผู้บูชาสามี) อยู่ที่กรุงสาวัตถี นางแต่งงานเมื่ออายุ 16 ปี และมีบุตร 4 คน นางเป็นหญิงที่มีคุณธรรม ใจบุญใจกุศล ชอบถวายภัตตาหารและปัจจัยอย่างอื่นๆแก่พระภิกษุสงฆ์ นางมักจะเข้าไปในวัดและช่วยทำความสะอาดบริเวณวัด ตักน้ำใส่ตุ่ม ทำหน้าที่ให้บริการแก่พระภิกษุสงฆ์ นางมีพรสวรรค์พิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิดอย่างหนึ่งคือ สามารถระลึกชาติได้ว่า ในชาติก่อนนางเคยเป็นนางเทพธิดา เป็นภรรยาคนหนึ่งของมาลาภารีเทพบุตร ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นางระลึกได้ว่านางจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เมื่อนางเทพธิดาผู้เป็นบริวารของเทพองค์ดังกล่าวมาเที่ยวกันอยู่ในสวน และสนุกสนานอยู่กับการหักกิ่งไม้และเด็ดดอกไม้ เป็นต้น ดังนั้นทุกครั้งที่นางถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์นางก็ได้อธิษฐานจิตขอให้ไปเกิดเป็นนางเทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และได้กลับไปเป็นภรรยาของมาลาภารีเทพบุตรอดีตสามีของนางดังเดิม

วันหนึ่ง นางปติปูชิกาเจ็บหนักและได้เสียชีวิตในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง เพราะเหตุที่นางได้ตั้งความปรารถนาไว้อย่างมั่นคง กฎแห่งกรรมจึงส่งผลในช่วงขณะจุติจิต ให้นางไปเกิดเป็นนางเทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในฐานะเป็นภรรยาของเทพบุตรมาลาเภรี แต่ด้วยเหตุที่มิติเวลาของทั้งสองโลกแตกต่างกัน กล่าวคือ หนึ่งร้อยปีในโลกมนุษย์เท่ากับวันหนึ่งของโลกสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ดังนั้น มาลาภารีเทพบุตรและนางเทพธิดาผู้เป็นภรรยาทั้งหลาย จึงยังคงสนุกสนานกันอยู่ในสวนแห่งเดิมนั้นเอง และนางปติปูชิกาซึ่งจุติลงมาเกิดเป็นมนุษย์เป็นเวลานานตามมิติแห่งกาลเวลาของโลกมนุษย์จึงหายไปจากสวนสวรรค์เพียงชั่วครู่เท่านั้นเอง ทั้งนี้เพราะว่า เวลา ๑๐๐ ปีของโลกมนุษย์เท่ากับหนึ่งวันหนึ่งคืนของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หนึ่งเดือนมี ๓๐วัน และหนึ่งปีมี ๑๒ เดือนเหมือนในโลกมนุษย์ แต่ทว่าอายุขัยของเทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่ากับ ๑๐๐๐ ปีทิพย์ ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วอายุขัยของเทวดาพวกนี้ยืนยาวเท่ากับ ๓ โกฏิ ๖ ล้านปีของโลกมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ เมื่อนางกลับไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้งหนึ่ง มาลาภารีเทพบุตรจึงถามนางว่า นางหายไปไหนมาตั้งแต่เมื่อเช้านี้ นางได้บอกกับมาลาภารีเทพบุตรว่า นางจุติจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ไปถือกำเนิดในโลกมนุษย์ ได้แต่งงานกับชายผู้หนึ่ง ให้กำเนิดบุตรจำนวน 4 คน และได้ตายจากโลกมนุษย์กลับมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อภิกษุทั้งหลายได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของนางปติปูชิกา มีความอาลัยอาวรณ์ในคุณความดีของนาง ที่เป็นพระภิกษุปุถุชนก็ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ได้ไปเฝ้าพระศาสดาแล้วกราบทูลว่า นางปติปูชิกาซึ่งเคยถวายภัตตาหารแก่พวกท่านในตอนเช้าๆได้เสียชีวิตไปเมื่อตอนเย็นวันนี้เอง “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อุบาสิกาชื่อปฏิปูชิกา เมื่อทำบุญให้ทาน ก็มักจะตั้งความปรารถนาให้ได้ไปอยู่กับสามี บัดนี้นางเสียชีวิตแล้วไปเกิด ณ ที่ไหน” พระศาสดาได้ตรัสกะภิกษุเหล่านั้นว่า นางได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่ร่วมกับสามีเดิมของนางซึ่งเป็นเทพบุตรอยู่ที่นั่นแล้ว และได้ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายว่า ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายสั้นยิ่งนัก (เมื่อเทียบกับชีวิตของสัตว์ในโลกสวรรค์) พวกเขายังไม่อิ่มในวัตถุกามและกิเลสกามของพวกตน ก็จะตกอยู่ในอำนาจของพระยามัจจุราช ที่จะมาฉุดคร่าเอาตัวไป แม้จะคร่ำครวญขอร้องอย่างไรก็ไม่สามารถรอดพ้นได้ แต่สำหรับคนที่ไม่ลุ่มหลงอยู่ในกิเลสกาม และวัตถุกามก็จะไม่ตกอยู่ในอำนาจของพระยามัจจุราช หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสาร

จากนั้น พระศาสดา ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 48 แสดงถึงกฎแห่งกรรม ในอีกบริบทหนึ่งว่า

ปุปฺผานิ เหว ปจินนฺตํ

พฺยาสตฺตมนสํ นรํ

อติตฺตํ เยว กาเมสุ

อนฺตโก กุรุเต วสํ ฯ

คนที่มัวเลือกเก็บดอกไม้คือกามคุณ

มีใจข้องอยู่ในอารมณ์ต่างๆ

แม้จะยังไม่อิ่มเอมในสิ่งที่ปรารถนา

พระยามัจจุราชจะพาเอาตัวเขาไป

ให้อยู่ในอำนาจเสียก่อน.

เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น พระสัทธรรมเทศนามีประโยชน์แก่มหาชน.
You will get a PDF (957KB) file